ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความแนะนำ

เที่ยวพม่าเมืองพญาตองซู ในราคาหลักร้อย ที่สังขละบุรี

นักท่องเที่ยวสามารถทำใบผ่านแดนเข้าไปในพม่าได้ภายใน 1 วัน เพื่อเข้าไปชมเมืองพญาตองซูในประเทศพม่า ที่ห่างจากบริเวณด่านไปเพียง 3 กิโลเมตร สำหรับราคาแพ็คเก็จทัวร์นั้น 200-400 บาท แล้วแต่บริษัททัวร์ สังเกตุซุ้มทัวร์ต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณลานจอดรถ ซื้อตั๋วครั้งเดียว เที่ยวได้จนครบโปรแกรม วัดเสาร้อยต้น สร้างเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มี 3 ชั้น ชั้นบนสุดห้ามผู้หญิงขึ้นไป วัดนี้หลวงพ่ออุตตมะเคยสร้างไว้ และเคยจำพรรษาที่นี่ เป็นวัดที่ใช้เสาทั้งต้น จากไม้แดง จำนวนมากถึง 105 ต้น สามารถเข้าไปสักการะพระประธานได้ บริเวณด้านหลังวัด เราจะเจอกับกำแพงพระยืน เป็นพระพุทธรูปประทับบนดอกบัว พร้อมพระอรหันต์จำนวน 120 รูป ยืนเป็นแนวทอดยาวไปยังภูเขา มีความตั้งใจจากท่านเจ้าอาวาสว่าจะสร้างให้ถึง 500 รูปทีเดียว วัดเจดีย์ทอง หรือวัดทองคำ ตั้งอยู่บนเนินเขา ไม่ห่างจากวัดเสาร้อยต้น สามารถขับรถขึ้นไปถึงบริเวณเจดีย์ได้ องค์เจดีย์มีขนาดไม่ใหญ่มาก สีทองอร่าม ฐานทรงเหลี่ยม ด้านบนทรงระฆัง รูปทรงคล้ายกับเจดีย์ชเวดากอง รอบองค์เจดีย์มีซุ้มประดิษฐานพระพม่า จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองพญาตองซู และฝั่งไทย พระพุทธไสยาสน์เจ

กิจกรรมที่ 1 ล่องเรือหางยาวชมวัดใต้น้ำ เมืองบาดาลสังขละบุรี


"โปรแกรมล่องเรือชมวัดใต้น้ำ เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ประจำเมืองสังขละบุรี ไม่แพ้ไปกับการถ่ายรูปเซลฟี่ที่สะพานมอญเลยทีเดียว เนื่องด้วยประวัติอันน่าสนใจของเมืองสังขละบุรี เกี่ยวกับวัดเก่าทั้ง 3 ประกอบด้วย วัดวังก์วิเวการาม, วัดสมเด็จ และวัดศรีสุวรรณ อันเป็นตัวแทนของ 3 วัด 3 เชื้อชาติ เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีโครงการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อเขื่อนเขาแหลม เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งเมื่อเก็บกักน้ำหลังเขื่อนแล้ว ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจนท่วมตัวอำเภอเก่า ในพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ หมู่บ้านชาวมอญอีกกว่า 1,000 หลังคาเรือน รวมถึงวัดทั้ง 3 ทางการจึงได้อพยพชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ออกจากบริเวณที่น้ำท่วม และย้ายวัดทั้ง 3 มาอยู่บนเนินเขาด้านฝั่งตะวันตกของลำน้ำแควน้อยในปัจจุบัน บริเวณวัดเดิม ถูกปล่อยให้จมอยู่ใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันในนามของ "วัดใต้น้ำ" หรือ เมืองบาดาล ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในแบบ Unseen Thailand"

สำหรับราคาล่องเรือนั้น หัวละ 50 - 200 แล้วแต่ว่าจะไปกี่วัดนะครับ แต่ถ้าสะดวกเหมาลำ อยู่ที่ลำละ 500-600 บาท มีเรือให้ขึ้นทั้งฝั่งไทยและฝั่งมอญ ใกล้ ๆ กับบริเวณสะพานไม้อุตตมานุสรณ์เลยหล่ะครับ


กิจกรรมล่องเรือนั้น เรียกได้ว่า แทบจะไปได้ทุกฤดู ซึ่งความแตกต่างก็จะมีให้ชมกัน 3 แบบ เช่น ฤดูหนาว ก็จะนั่งเรือผ่านหมอกหนา ๆ เข้าไปชมวัด ถ้าเป็นต้นหนาว น้ำในเขื่อนเขาแหลมอาจจะมีเย๊อะสักหน่อย ก็จะเป็นบรรยากาศแบบว่า วัดศรีสุวรรณยังไม่เห็น เห็นวัดวังก์เก่าโผล่ที่สามารถเดินเข้าไปชมได้ หรือถ้าน้ำยังเย๊อะมาก ๆ ก็อาจจะแค่จอดชมเพราะถ้าจะเข้าไปต้องเดินลุยน้ำ แต่ปัจจุบันนี้ เขื่อนเขาแหลมน้ำไม่เย๊อะ ก็อาจจะเดินชมได้ตามปกตินะครับ



ถ้าจะให้อากาศดี ๆ ก็ต้องหน้าหนาวนี่แหล่ะครับ เหมาะที่สุด พี่ ๆ คนขับเรือก็บริการอย่างดี ทั้งเรื่องความปลอดภัย และการพาเที่ยว มีชูชีพพร้อมไม่ต้องกลัวเรื่องของอันตราย เรือขับแบบระมัดระวังและชำนาญมาก


ว่ากันว่าบริเวณหอระฆังเก่าแห่งนี้แหล่ะ คือจุดศูนย์รวมของแม่น้ำทั้ง 3 คือ แม่น้ำซองกาเลีย, แม่น้ำรันตี และแม่น้ำบีคลี่ เรียกจุดนี้ว่า "สามประสบ"

ภาพนี้คือวัดศรีสุวรรณ ที่โผล่เหนือน้ำแล้ว ในหน้าน้ำเย๊อะ วัดนี้จะจมอยู่ใต้บาดาล ไม่สามารถได้ชมแบบนี้นะครับ










ก็เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ สำหรับการล่องเรือชมวัดใต้น้ำสังขละบุรี แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะได้รับก็คือ การได้สัมผัสกับชาวบ้านที่ออกมาขายของรอรับนักท่องเที่ยว วิถีชีวิตของชาวมอญ และชาวกะเหรี่ยงที่เปลี่ยนไป การที่สังขละบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ วัฒนธรรมที่ถูกกลืนไป ก็ยังคงมีกลิ่นไอของความเป็นธรรมชาติของชุมชนให้ได้สัมผัสกันอยู่ ลองไปดูนะครับ








ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

คนชอบอ่านสิ่งนี้